หน่วยที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

เรื่อง ระบบเครือข่ายและการเชื่อมต่อ

____________________________________________________________________________

ประวัติของระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
       อินเตอร์เน็ต ถูกพัฒนาโดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ซึ่ง เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลเครือข่ายที่มีชื่อว่า 
ARPA (Advanced Research Project Agency) โดยเรียกชื่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์นี้ ว่า “ARPANET” สร้างขึ้นเพื่อใช้งานทางราชการทหาร

ความหมายโปรโตคอล
          Protocol หมายถึง ข้อกำหนดหรือข้อตกลงในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่คอมพิวเตอร์ เครื่องต้องการสื่อสารกันแต่ใช้คนละภาษา จะต้องมี ตัวกลางในการแปลง Protocol ที่เรียกว่า Gateway


ระบบเครือข่ายและการเชื่อมต่อ
1. เครื่องลูกเครือข่ายและเครืองให้บริการ
เครื่องลูกข่าย (End system or Client) คือ เป็นคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้าระบบเครือข่าย ซึ่งอาจเรียกว่าเวิร์กสเตชั่ นโดยมักเป็นเครื่องของผู้ใช้งานทั่วไปสำหรับติดต่อเพื่อขอใช้ บริการจากเซิร์ฟเวอร์ เครื่องลูกข่ายอาจเป็นคอมพิวเตอร์ที่ไม่จำเป็นต้องมีสมรรถนะสูง ซึ่ง อาจเป็นเครื่องเดสก์ทอปคอมพิวเตอร์ทั่วไป
เครื่องให้บริการ (Server) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่บริการทรัพยากรให้กับเครื่องลูกข่าย บนเครือข่าย เช่น บริการไฟล์ (FileServer), การบริการงานพิมพ์ (PrintServer) เป็นต้น เครื่องเซิร์ฟเวอร์อาจเป็นคอมพิวเตอร์ระดับเมนเฟรม มินิคอมพิวเตอร์

2. การเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ากับระบบเครือข่าย ต้องพิจารณาถึงรูปแบบของ application ในการใช้งานด้วย รวมถึงการเชื่อมต่อทางกายภาพ เช่น สายสัญญาณต่าง ๆ  ปัจจุบันการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายแบบไร้สายสัญญาณเป็นที่นิยมของผู้ใช้งานทั่วไป เนื่องจากช่วยลดข้อจำกัดในด้านต่าง ๆ เช่น ความยาวของสายสัญญาณ มีความ สะดวกสบายในการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ต่าง ๆ และไม่จำกัดพื้นที่ในการให้บริการ โดยเฉพาะพื้นที่ ที่สายสัญญาณไม่สามารถเข้าถึงได้


          2.1 การเชื่อมต่อด้วยการหมุนโทรศัพท์ (Dial-Up)
เป็นการเชื่อต่อเข้ากับระบบ เครือข่ายด้วยการใช้โทรศัพท์ โดย เครื่องคอมพิวเตอร์จะเชื่อต่อกับ ระบบเครือข่ายผ่านทาง สายโทรศัพท์ด้วยอุปกรณ์ที่ เรียกว่า “Modem” ความเร็ว ในการรับส่งข้อมูลประมาณ 56-128 Kbps


2.2 DSL (Digital Subscriber Line)
คือ เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยสายโทรศัพท์โดยมีการเข้ารหัส สัญญาณข้อมูลในย่านความถี่สูง กว่าการใช้งานโทรศัพท์ทั่วไปทำให้สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้ใน ขณะที่ใช้งานโทรศัพท์ โดยจะแบ่งช่องความถี่ออกเป็น 3ส่วน คือ
ถึง 4 KHz ใช้ รับ-ส่ง สัญญาณโทรศัพท์
ถึง 50 KHz ใช้เป็นช่องสัญญาณ  Upstream สำหรับส่งข้อมูล
50 KHz ถึง 1 MHz ใช้เป็นช่องสัญญาณ  Downstream สำหรับรับข้อมูล

ตารางแสดงการเปรียบเทียบรูปแบบของเทคโนโลยี DSL

2.3 การเชื่อมต่อเครือข่ายด้วยเคเบิล
Cable Television System เป็นการเชื่อมต่อที่นำระบบเคเบิลทีวีมาใช้ เนื่องจากในสหรัฐฯและประเทศในแถบยุโรปมีผู้ใช้เป็นจำนวนมากที่ใช้บริการ เคเบิลทีวี ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขยายเครือข่ายเพิ่มเติม 


2.4 Fiber-To-The-Home (FTTH)
เป็นการเชื่อมต่อชุมสายโทรศัพท์ (Central Office: CO) ด้วยสายใยแก้วนำแสง เพื่อเชื่อมต่อระหว่าง  CO กับที่พักอาศัย โดยเรียกว่า “Fiber-To-The-Home” ทำให้สามารถให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โทรศัพท์ และส่งสัญญาณ โทรทัศน์ไปพร้อมกันได้ เรียกบริการลักษณะดังกล่าวว่า “FiberOptic Service: FIOS”  โดยเทคโนโลยีที่มีความนิยมเป็นอย่างสูงคือ “Passive Optical Network :PON”


2.5 Ethernet
อีเทอร์เน็ต (Ethernet) เป็นชื่อเรียกวิธีการสื่อสารในระดับล่างหรือที่เราเรียกว่า ProtocolของLANชนิดหนึ่งที่พัฒนาขึ้นโดย บริษัทใหญ่คือบริษัทXerox Corporation, Digital EquipmentCorporation (DEC)และIntelในปี ค.ศ. 1976 โดยถูกจัดให้เป็นมาตรฐานของIEEE 802.3

2.6 WiFi
WiFi (Wireless Fidelity) เป็นมาตรฐานเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย (IEEE 802.11) โดยอุปกรณ์ทุกตัวที่ต่างยี่ห้อกันแต่ได้รับการตรวจสอบหรือมีมาตรฐานตามเกณฑ์ที่ กำหนดไว้จนได้รับการรับรองที่เรียนกว่า “WiFi Certified” ทำให้สามารถติดต่อกัน ได้โดยไม่เกิดปัญหา และเป็นที่มาของ LAN แบบไร้สาย หรือ Wireless LAN

2.7 WIMAX
WIMAX (Worldwide Interoperability for Microwave Access) คือการออกแบบโครงสร้าง และอุปกรณ์สื่อสารแบบไร้สายที่ได้ถูกพัฒนามาจาก WirelessLAN หรือ Wi-Fiผลดีคือ ระยะทำการ ที่ครอบคลุมมากกว่าเครือข่ายแบบ WirelessLAN หลายเท่า สามารถเชื่อมต่อระหว่างตึกต่าง ๆ ได้ ง่ายไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของภูมิประเทศ


สายสัญญาณ (Cable)
ในการเชื่อมต่อแบบต่าง ๆ จะต้องใช้สายเคเบิลเป็นตัวกลาง (Media) ซึ่งการใช้งานจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการเชื่อมต่อ เช่นแบบ Bus จะใช้สายเคเบิล Coaxial, แบบ Star จะใช้สายเคเบิล UTP สายเคเบิลที่ใช้งานในระบบเน็ตเวิร์กจะมีอยู่ 3 ประเภทคือ
1.      สายโคแอ็กเชียล (Coaxial Cable)
 
เป็นสายเส้นเดียวมีลวดทองแดงเป็นแกนกลางหุ้ม ด้วยฉนวนสายยาง โดยจะมีลวดถักหุ้มฉนวนสายยางอีกชั้น (shield) ป้องกันสัญญาณรบกวน และมีฉนวนด้านนอกเป็นยาง สีดำหุ้มอีกชั้น จะมีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ อย่างหนา (thick) อย่างบาง (thin) ส่วนมากจะใช้งานบนระบบ Ethernet โดยที่ปลายสายทั้ง 2 ด้านจะต้องมีตัว terminator ปิดด้วย มีความเร็วในการส่งข้อมูลต่ำกว่าสายแบบ UTP สาย Coaxial อย่างบาง (thin) มีข้อเสียคือ ไม่สามารถใช้รับ-ส่งสัญญาณได้เกิน 185 เมตร อาจต้องใช้ตัวทวนสัญญาณ (Repeater) ช่วยขยายสัญญาณ

2.       สายตีเกลียว (Twisted-Pair Cable)

เป็นสายเส้นเล็กจำนวน 8 เส้นตีเกลียวคู่ มีอยู่ 4 คู่ ประกอบด้วย สายทองแดงที่หุ้ม ด้วยฉนวนป้องกันที่มีหลายสี

3.       สายไฟเบอร์ออปติก (Fiber-optic-cable)



สายไฟเบอร์ออปติกหรือสายใยแก้วนำแสง ทำมาจากท่อแก้วหรือ พลาสติก โดยจะส่งสัญญาณในรูปของแสง